นัยน์ตากับคอมพิวเตอร์

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

* ลักษณะการทำงานของนัยน์ตา
* อาการที่นัยน์ตาถูกใช้อย่างหักโหม
* ป้องกันและบรรเทาอาการปวดตา
* นัยน์ตาแห้งไร้ความชุ่มชื้น
* ตัวบ่งบอกเกี่ยวกับสายตา
* คุณต้องการแว่นตาหรือไม่
* ปัญหาที่มักเกิดกับนัยน์ตา
* อาการเตือนเมื่อต้องการแว่นตา
* การทดสอบสายตา
* แว่นตาและคอนแทคเลนส์
* ส่งท้าย

จากที่เรา ๆ ท่าน ๆ ต้องทำงานเกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ แน่นอนย่อมมีผลกับนัยน์ตา ซึ่งมักจะมีอาการปวดตาสำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งจักษุแพทย์ได้พบว่ามีหลาย ๆ สาเหตุที่ทำให้นัยน์ตาต้องเสี่ยงภัยจากเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นผลทำให้เกิดอาการปวดตา พอจะแจกแจงได้ดังนี้

* ความเสี่ยงภัยจากการใช้เวลาทำงานส่วนใหญ่กับคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นหนทางที่ก่อให้เกิดอันตรายกับนัยน์ตา
* ความไม่พอเพียงหรืออันตรายที่เกิดจากแสงและสภาพบนจอภาพ
* สภาพของนัยน์ตาที่แย่อยู่ก่อนแล้วรวมทั้งสภาพการทำงาน
* การใช้นัยน์ตาเพ่งมองหรือจ้องมองเค้นของนัยน์ตา

ลักษณะการทำงานของนัยน์ตา
สาเหตุที่พบบ่อยในการทำให้เกิดอาการเมื่อยตาหรือปวดตา นั่นก็คือการที่เราพยายามใช้นัยน์ตาในการมองภายใต้สภาวะที่เสี่ยงภัยหรือเป็นอันตรายกับนัยน์ตา การทำงานของนัยน์ตาถูกควบคุมโดยกล้ามเนื้อตา ซึ่งกล้ามเนื้อจะทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยและรัดเกร็ง สำหรับผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่พยายามใช้นัยน์ตาในการมองแต่ละวันนั้นคุณอาจจะต้องตกใจว่านัยน์ตานั้นมีการ 30,000 ครั้ง/วัน กล้ามเนื้อตาที่ถูกใช้ในการมองข้อความบนกระดาษหน้าหนึ่ง, การกระตุกของจอภาพ, การปรับสายตาในการมองสิ่งต่าง ๆ หรือเปลี่ยนโฟกัสในการมองและกลับมามองที่หน้าจออีกครั้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหน้าที่ของกล้ามเนื้อตาทั้งสิ้น
การพิมพ์ตัวอักษรที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์ในสภาพการทำงานที่หลอดไฟในห้องมีความสว่างมากเกินwb และทำให้จอภาพของคุณมองไม่ชัดเหมือนหมอกมาบดบังอยู่หน้าจอนั่น เกิดจากการสะท้อนของแสงที่ตกกระทบกับจอคอมพิวเตอร์ของคุณ ทำให้ต้องมีการเพ่งไปที่จอภาพเป็นระยะเวลานานในการทำงานอยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ จะมีการเลื่อนโฟกัสของสายตาที่จ้องมองบนจอภาพ เพื่อทำการอ่านข้อความบนจอภาพซึ่งได้จากการพิมพ์ลงไปบนคีย์บอร์ด จากสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดอาการเมื่อยตาหรือปวดตานั้นยังไม่อาจบอกแน่นอนว่าเป็นสาเหตุใดที่แท้จริง บางอาการก็เกิดจากการเครียดกับการทำงานหรือการติดเชื้อ ฉะนั้นเราจึงไม่ควรรีรอในการปรึกษาหาคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการดูแลรักษานัยน์ตาหรือจักษุแพทย์

อาการที่นัยน์ตาถูกใช้อย่างหักโหม

* การมองเห็นสี
เมื่อมีการจ้องดูที่จอเป็นระยะเวลานาน ๆ ซึ่งตัวอักษรบนจอมีการแสดงสีเป็นสีเขียวบนพื้นจอดำ คุณจะรู้สึกว่าการมองเห็นสีนั้นยากขึ้นเมื่อคุณลองมองไปที่อื่นหลังจากที่มองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ปรากฏการณ์เช่นนี้ถูกเรียกว่า "The McCulloch afterimage" ที่เกิดจากปริมาณของสีเคมีพิเศษที่อยู่ในเรตินาลดลง อย่างไรก็ตามนัยน์ตาก็จะสร้างสีให้เกิดใหม่ได้ในไม่ช้าหลังจากที่สีเคมีดังกล่าวขาดหายไปชั่วขณะหนึ่ง
* การมองเห็นภาพซ้อน
การมองเห็นภาพซ้อนเกิดจากกกล้ามเนื้อตาที่ควบคุมการรวมกันของภาพที่จุด ๆ เดียว ที่ตาทั้งสองข้างจะรวมภาพที่จุด ๆ หนึ่ง แต่เหมือนกับมีบางสิ่งมาอยู่ใกล้ ๆ กับจุดโฟกัสนั้น เมื่อเราพยายามมองก็จะทำให้เกิดเป็นภาพซ้อน ๆ กัน ซึ่งมักพบได้บ่อย ๆ ภาพที่เห็นซ้อน ๆ กันนี้บางครั้งก็ไม่รู้สึกหรือไม่เกิดขึ้นโดยตรง แต่จะรู้สึกปวดหัวหรือเกิดอาการล้านัยน์ตา ภาพซ้อนก็เป็นอาการหนึ่งของความเครียดทางสุขภาพนัยนต์ตาเช่นกัน ถ้าพบว่าเห็นภาพซ้อนปรากฎทันทีหรือเป็นอยู่เรื่อย ๆ คุณควรจะไปพบหรือปรึกษากับจักษุแพทย์ทันที
* ปัญหาจากโฟกัส
เมื่อกล้ามเนื้อซิเลียรี (ciliary) เกิดอาการล้าหรือตึงเครียด ซึ่งกล้ามเนื้อ ciliary เป็นกล้ามเนื้อที่มีความสัมพันธ์ระหว่าง ciliary body กับโครงสร้างของตาโดย ciliary body จะมีลักษระเหมือนกับเยื่อหุ้มหลอดเลือดที่มีความหนาอยู่ระหว่างส่วนที่เรียกว่า คอรอยด์ (choriod) และม่านตา (iris) ซึ่งเมื่อกล้ามเนื้อซิเลียรีเกิดอาการดังกล่าวก็จะทำให้ไม่สามารถมองเห็นจุดโฟกัสของภาพนั้นได้อย่างสมบูรณ์ อาการที่เกิดขึ้นกับนัยน์ตาที่เมื่อยล้าหรือเกิดจากการเค้นจ้องจะทำให้ความสามารถในการกำหนดโฟกัสของสายตาwbr>w ในส่วนของกล้ามเนื้อซิเลียรี (ciliary) หากต้องถูกใช้งานอย่างหนักโดยการทำงานอย่างซ้ำ ๆ เพื่อเลื่อนโฟกัสมองตามตัวอักษรที่พิมพ์หรือกวาดสายตาตามตัวอักษรที่พิมพ์บนจอภาพ หรือการที่พยายามมองอยู่ที่โฟกัสเดิมเป็นเวลานาน ๆ ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการล้าและอาจทำให้สายตาหรือกล้ามเนื้อส่วนนี้เสื่อมไปด้วย
* อาการปวดหัว
เมื่อคุณต้องใช้สายตาอย่างหนักโดยการเค้นหรือจ้องมองเขม็งเป็นเวลานาน ๆ บนจอคอมพิวเตอร์ คุณก็อาจจะเกิดอาการปวดหัว ซึ่งคอมพิวเตอร์กับอาการปวดหัวนั้นเกิดจากความเครียดที่มีสาเหตุจากกล้ามเนื้อในบริเวณคอและบริเวณศีรษะเกิดความตึงเครียด และที่พบได้ทั่ว ๆ ไปก็คือ ส่วนของขมับ อาการปวดหัวนี้อาจไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่เกิดจากความเมื่อยล้าของนัยน์ตา แต่เป็นผลข้างเคียงจากความพยายามในการจ้องมองในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม หรือจากการพยายามที่จะมองตำแหน่งนั้น ๆ หรือเอียงศีรษะเพื่อที่จะมองให้เห็นทั้งสองจุดโฟกัสที่อยู่ในตำแหน่งที่คงที่หรือกำลังเคลื่อนที่ ล้วนแล้วแต่ทำให้กล้ามเนื้อสายตาเกิดอาการล้า กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ควบคุมโดยตรง "กล้ามเนื้อควบคุมม่านตา (iris)" ซึ่งควบคุมการผ่านเข้าของแสง และ "กล้ามเนื้อซิเลียรี (ciliary)" ที่ควบคุมการทำงานของเลนส์เพื่อที่จะทำให้การเปลี่ยนระยะของโฟกัสหรือทำการปรับโฟกัสของเลนส์ หากสายตาของคุณมีโฟกัสที่สั้นหรือสายตาสั้น ก็จะทำให้คุณปวดหัว และมีอาการเมื่อยล้านัยน์ตาได้ง่าย

ป้องกันและบรรเทาอาการปวดตา
คุณสามารถที่จะป้องกันอาการปวดตาด้วยตัวคุณเองโดยการเปลี่ยนตารางเวลาการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์, สภาพแวดล้อมต่าง ๆ และบางครั้งอาจจะต้องทำตามตัวอย่างต่อไปนี้

* หยุดพักสายตา
หยุดพักหรือเปลี่ยนตารางเวลาการทำงานใหม่ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของประสาทตา The National Institute of Occupational Safety and Health (NIOSH) ได้แนะนำให้มีการหยุดพักสายตาโดยจะหยุดพักสายตาครั้งละ 15 นาที ทุก ๆ 2 ชั่วโมง ซึ่งจัดว่าเป็นระดับปานกลางสำหรับการทำงานที่อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า The Video Display Terminal (VDT) หรือหยุดพักทุก ๆ ชั่วโมงเพื่อลดการเสี่ยงภัยจากจอภาพ ผู้เชี่ยวชาญบางคนก็ได้แนะนำว่าควรจะมีการหยุดพักบ่อย ๆ โดยแต่ละครั้งใช้เวลาเพียงนิดหน่อย
* หลีกเลี่ยงจากต้นเหตุ
เมื่อลุกไปจากตำแหน่งที่กำลังทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ระหว่างนั้นก็เป็นการหยุดพัก โดยหลับตาหรือทำการบริหารตาเพื่อให้นัยน์ตาได้พักและช่วยลดอาการเมื่อยล้าได้
* หลีกเลี่ยงการทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์
มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ไม่ต้องทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ และก็มีการหยุดพักสายตาบ่อย ๆ ตลอดทั้งวัน จึงมักไม่ค่อยมีปัญหาเกิดกับดวงตามากนัก
* พักผ่อน
นัยน์ตาที่ต้องจ้องเพ่งควรจะมีการฝึกการหยุดเพ่งสายตาหรือจ้องมองเป็นเวลานาน ๆ วิธีที่ดีที่สุดก็คงเป็นการล้มตัวลงนอนและหลับตาเพียง 2-3 เวลาและปิดไฟ วางผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ไว้บนเปลือกตา พักผ่อนและไม่ต้องกังวลกับสิ่งใด ๆ
* ควบคุมความสว่างและจอภาพ
การควบคุมความสว่างภายในสภาพแวดล้อมการทำงานก็นับว่าจำเป็น ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวดหรือเมื่อยล้าตาได้, ลดการเพ่งมอง, การสะท้อนของแสงต่าง ๆ และความไม่เพียงพอของแสงในการอ่านตัวอักษร โดยคุณจะต้องปรับความสว่างที่จอคอมพิวเตอร์ให้มีความสว่างที่พอดี ซึ่งหากทำงานกับคอมพิวเตอร์ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้าและจอภาพก็มีความสว่างมากก็ยิ่งส่งผลเสียให้กับ คุณจะรู้สึกทันทีว่ามีอาการปวดร้าวดวงตาเร็วและแสบตาอย่างรุนแรง ดังนั้นควรควบคุมความสว่างจากสภาพแวดล้อมและที่จอคอมพิวเตอร์ด้วย เพื่อสุขภาพตาของคุณ
* ขยายพื้นที่ในการทำงาน
ในระหว่างที่มีการกวาดสายตาเพื่อทำการอ่านข้อความบนจอเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าตา และปวดตาได้ง่าย ถ้าหากว่าระยะห่างระหว่างตากับจอภาพไม่สัมพันธ์กัน เช่น ในขณะพิมพ์ตัวอักษรให้ปรากฏบนจอภาพ ตำแหน่งของจอภาพควรห่างจากนัยน์ตาก็ควรจะห่างกันประมาณ 18-24 นิ้ว และระดับของสายตาในการมองควรจะทำมุม 15 องศากับแนวนอน

นัยน์ตาแห้งไร้ความชุ่มชื้น
นัยน์ตาที่แห้งพบบ่อยกับผู้ที่ทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นเหตุจากการขาดน้ำหล่อเลี้ยงดวงตา ดังนั้นดวงตาก็อาจจะเสียและเกิดอาการเมื่อยล้าและปวดได้ง่าย ในภาวะที่นัยน์ตาแห้งและเมื่อยล้ากล้ามเนื้อตาจะเป็นภาระที่หนักมากสำหรับผู้ทีใส่คอนแทคเลนส์

* การเพ่งมอง
ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มักจะมีการกะพริบตาน้อยครั้งในขณะใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ จึงเป็นเหตุให้น้ำตาหรือน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่เสมอ
* ขาดความชุ่มชื้นในบรรยากาศ
หลาย ๆ ออฟฟิศที่สร้างขึ้นนั้นมีบรรยากาศที่แห้งเนื่องจากการเปิดแอร์คอนดิชั่น และความร้อนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ก่อให้เกิดความแห้งในบรรยากาศ ซึ่งทั้งสองสาเหตุนี้เป็นการทำให้น้ำหล่อเลี้ยงดวงตาระเหยไปอย่างง่ายดาย
* ยาชนิดต่าง ๆ
มียาชนิดต่าง ๆ มากมาย เช่น ไดยูเร็ตทิค (diuretics) และแอนตี้ฮิสตามิน (antihistamines) ที่มีผลทำให้นัยน์ตาลดการผลิตน้ำหล่อเลี้ยงดวงตา ซึ่งอาจจะต้องพบแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอยารักษาอาการดวงตาแห้ง ขนาดน้ำหล่อเลี้ยงดวงตา
* อายุที่มากขึ้น
อายุมีความสัมพันธ์กับการผลิตของน้ำตา ซึ่งหากอายุมากขึ้นการผลิตน้ำตาก็ทำได้น้อยลง ปัญหาการผลิตน้ำตาน้อยลงนี้พบได้บ่อยกับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ปี
* วิธีการแก้ปัญหาของดวงตาแห้ง วิธีการที่จะบำบัดได้ที่รวดเร็วสำหรับอาการตาแห้งก็คือการใช้ยาหยอดตา โดยประกอบด้วยเมทธิลเซลลูโลส (Methyl cellulose) หรือโพลีไวนิลอัลกอฮอล์ (polyvinyl alcohol) ยาหยอดตาจะช่วยยับยั้งการครั่งของเลือดบริเวณตา หรือการบีบรัดที่เป็นต้นเหตุในการเกิดอาการตาแห้งไร้ความชุ่มชื่น ไม่ว่าคุณจะใช้ยาหยอดตาหรือการกะพริบตาบ่อย ๆ ทุก 5 วินาที ก็สามารถช่วยให้ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่เสมอ

ตัวบ่งบอกเกี่ยวกับสายตา
เกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณมองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณเองไม่ชัด หรือบางครั้งอาจมองเห็นภาพซ้อน และในขณะที่ทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์มักจะเกิดอาการปวดคอ ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่เป็นเพียงกับคุณคนเดียวเท่านั้น แต่ยังมีผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์อีกนับล้าน ๆ คนที่ต้องทนทรมานกับอาการเมื่อยล้ากล้ามเนื้อตาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ดังเหตุทั้งสองที่จะกล่าว

* การทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องใช้สายตา และข้อบกพร่องของสายตาที่เกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว ที่เป็นต้นเหตุให้เมื่อยล้าตาได้ แต่ถ้าหากคุณไม่รู้สึกตัวว่าเกิดข้อบกพร่องกับตาของคุณแล้วจะทำให้ยากแก่การมองเห็นจอภาพได้wbr>wbr>wกรณีที่เกิดข้อบกพร่องกับตาแล้ว
* สายตาที่มีปัญหา ซึ่งมีวิธีการแก้ปัญหาที่เกิดกับสายตาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งการทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องทำการแก้ปัญหาเกี่ยวกับสายตาเพื่อให้สามารถมองจอภาพได้ดี

เนื่องจากสายตาของคนเรานั้นมักจะเสื่อมไปตามอายุ ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ล้วนแต่ต้องการมีสุขภาพตาที่ดี และวิธีการในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับสายตา แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ช่วยให้การมองดีขึ้นและสะดวกสบายสำหรับผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์นับล้าน ๆ คน

คุณต้องการแว่นตาหรือไม่
ปัญหาของการมองที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขมีอยู่อย่างมากมาย ซึ่งพบว่ามีอยู่ไม่น้อยเลยในวัยทำงานที่ยังคงปล่อยปะละเลยในการแก้ไขปัญหาของสายตามที่มีปัญหา

* ความต้องการในขณะทำงาน
นัยน์ตาที่มีการใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่เป็นประจำมักต้องการสภาพแวดล้อมในการใช้สายตา ซึ่งแต่ละคนก็มีความต้องการแตกต่างกันไป และสุขภาพตาที่ดีพออาจช่วยแก้ปัญหาของนัยน์ตาได้ โดยสามารถรับมือกับปัญหาที่ทรมานนัยน์ตาได้แต่ก็คงไม่มากนัก


ปัญหาที่มักเกิดกับนัยน์ตา
แว่นตาและคอนแทคเลนส์ได้ออกแบบมาสำหรับแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไปตามสภาพของนัยน์ตา

* Myopia
ภาวะสายตาสั้นเป็นภาวะที่ไม่สามารถมองเห็นวัตถุในระยะที่ตั้งไว้ไกลเกินจากโฟกัสของสายตา โดยที่จุดโฟกัสของภาพที่มองตกก่อนที่จะถึงจอรับภาพของนัยน์ตา คนที่สายตาสั้นบางคนเท่านั้นที่อาจจะไม่ต้องอาศัยแว่นตาและทำงานอยู่กับคอมพิวเตอร์ได้อย่างสบาย แต่เมื่อเกิดภาวะสายตาสั้นมากขึ้น ก็จะปรากฎท่าทางที่บ่งบอกว่านัยน์ตานั้นเริ่มแย่แล้ว โดยจะนั่งใกล้ติดกับจอคอมพิวเตอร์มากเกินไป และอาจจะเกิดผลอย่างอื่นตามมาอีก
* Hyperopia
ภาวะสายตายาวนี้จะมองเห็นได้ดีในระยะไกลโดยไม่ต้องอาศัยแว่นตา แต่จะมีผลกับการทำงานบ้าง ซึ่งโฟกัสที่ได้จากวัตถุในระยะไกลจะมองเห็นได้ดี แต่ถ้าเป็นการมองวัตถุที่อยู่ใกล้ ๆ นัยน์ตาจะต้องพยายามจับโฟกัสของวัตถุนั้น ฉะนั้นเมื่อต้องดูคำที่เขียนบนจอภาพก็จำเป็นต้องใช้สายตามองในระยะที่พอประมาณ คนที่สายตายาวจึงต้องพยายามใช้สายตาในการมองในระยะที่ใกล้จึงทำให้เกิดอาการเมื่อยกล้ามเนื้อตาหรือ
* Astigmatism
ภาวะตาพร่านี้จะเกิดจากการผิดปกติของเลนส์ตาที่มีส่วนโค้งผิดปกติ ซึ่งเมื่อมองแล้วจะทำให้เกิดอาการเบลอไม่เกี่ยวกับระยะของวัตถุ โดยทั่ว ๆ ไปแล้วปัญหาของภาวะสายตาสั้น หรือสายตายาว และภาวะตาพร่านั้นเมื่อถูกสะสมไว้ก็จะก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา
* Presbyopia
ภาวะนี้เป็นการสูญเสียความสามารถของโฟกัสไปตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการเสื่อมไปตามอายุของคนเรา โดยจุดโฟกัสของภาพที่มองเห็นตกเลยจอรับภาพ (เรตินา) และได้ภาพที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งภาวะนี้อาจจะทำให้เกิดอาการปวดคอเมื่อทำงานอยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ การแก้ปัญหาเหล่านี้ก็คงจะต้องอาศัยแว่นตา เพื่อให้ได้ระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างสายตากับจอเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ

โดยทั่ว ๆ ไปผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่จ้องมองแต่หน้าจอเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็มักจะทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าเกร็งกล้ามเนื้อตา เพื่อให้ได้โฟกัสและทิศทางของสายตาที่จ้องมอง
ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์มักจะกวาดสายตาในทิศทางที่ซ้ำ ๆ ในขณะทำงาน จึงก่อให้เกิดอาการเมื่อยล้ากล้ามเนื้อตาได้ง่าย
แสงสว่างที่จ้ามากสำหรับนัยน์ตาและระยะของวัตถุ รวมทั้งการจับโฟกัสของสายตา ในภาวะสายตาสั้น นัยน์ตาก็จะต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อมองภาพในระยะที่ไกล ส่วนใหญ่แล้วจอคอมพิวเตอร์ที่ไม่สว่างมากจะช่วยลดความรุนแรงที่เกิดกับนัยน์ตาได้
ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์มักจะทำงานอยู่ในบรรยากาศที่แห้ง ๆ ซึ่งควรจะมีการกะพริบตาบ่อย ๆ เพื่อที่จะลดภาวะที่เป็นอันตรายกับนัยน์ตา

อาการเตือนเมื่อต้องการแว่นตา
องค์การที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับนัยน์ตา The American Optometric Association (AOA) ได้กล่าวว่าอาการที่เกิดจากความเมื่อยนัยน์ตาของคุณอาจจะเป็นดังนี้

* อาการปวดศีรษะบ่อย ๆ
* อาการเบลอหรือเมื่อยล้านัยน์ตา
* การมองเห็นที่มัวพร่า
* ความถี่ในการเกิดอุบัติเหตุ
* ทำการจอดรถได้ยาก
* อ่านหนังสือพิมพ์หรือตัวอักษรเล็ก ๆ ได้ยาก
* เล่นกีฬาแย่ลง
* ลดความสนใจในการทำงาน

การทดสอบสายตา
องค์การ AOA ได้แนะนำให้มีการตรวจสอบหรือทดสอบนัยน์ตาก่อนที่จะเริ่มทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์และติดตามผลการทดสอบทุก ๆ ปี
จากตัวเลขที่เพิ่มขึ้นที่ผู้เชี่ยวชาญด้านดูแลสุขภาพตาพบว่าองค์ประกอบที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นพิเศษกับสุขภาพนัยน์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าองค์ประกอบอื่น ๆ จะไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญที่ดูแลสุขภาพตาก็เริ่มมีการต่อต้านเกี่ยวกับการทำงานที่ใกล้เกินไปกับจอคอมพิวเตอร์ และการทำงานที่ทำให้ต้องใส่แว่นตา

แว่นตาและคอนแทคเลนส์
แว่นตาและคอนแทคเลนส์อาจจะก่อให้เกิดปัญหาเฉพาะอย่างในขณะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้ อาทิเช่น แว่นตาที่มีทั้งเลนส์มองระยะใกล้และระยะไกล (bifocal), trifocal และคอนแทคเลนส์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาโดยตรงสำหรับใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ ในขณะที่มีการใส่คอนแทคเลนส์ก็อาจจะมีอาการเหมือนกับการมองไม่สัมพันธ์กัน วิธีการแก้ปัญหาก็อาจจะทำได้โดยเลือกแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ให้เหมาะกับสภาพสายตาและสภาวะแวดล้อมใน

* Computer glasses
แว่นตาสำหรับงานคอมพิวเตอร์ โดยปกติแล้วจะออกแบบเน้นในเรื่องระยะทางจุดโฟกัสและมุมมองเพื่อให้คุณมองเห็นหน้าจอได้ง่าย แว่นตาที่มีราคาค่อนข้างแพงก็อาจจะช่วยลดการระคายเคืองของนัยน์ตาที่เมื่อยล้าได้ ประมาณ 40% ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่เห็นปัญหาของนัยน์ตาที่เกิดจากการทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ และยอมรับว่าการใส่แว่นตามีส่วนช่วยในขณะทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์
* Bifocals
แว่นตาสำหรับคนที่สายตาเริ่มเสื่อมไปตามธรรมชาติ (prebyopia) เป็นแว่นตาที่ประกอบด้วยเลนส์สองเลนส์คือเลนส์ที่มองในระยะปกติที่เหมาะสมกับสายตา และอีกเลนส์ที่เป็นเลนส์ล่างของแว่นตา สำหรับมองระยะใกล้ ๆ มีโฟกัสอยู่ที่ 16 นิ้ว หรือ 40 เซนติเมตรที่อยู่ระดับล่างของแว่นตา ที่ช่วยให้มองดีขึ้น อย่างเช่นการอ่านหนังสือบนโต๊ะหรือหนังสือที่อยู่ในมือ แต่ก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ในการเปลี่ยนโฟกัสในการมองหรือการหันไปมองสิ่งต่าง ๆ แล้วหันกับมามองที่จอภาพจะทำให้เกิดอาการตาลาย ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดการปวดคอและหลัง การทดสอบแว่นตา bifocal ซึ่งเป็นเลนส์ที่สามารถช่วยในการมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้โดยใช้เลนส์ล่างในการมองระยะการทำงานที่ใกล้ ๆ การแก้ปัญหาเหล่านี้อาจจะใช้แว่นตาสำหรับงานคอมพิวเตอร์ช่วยก็ได้
* Trifocal
เป็นเลนส์แว่นตาที่เลนส์ตรงกลางมีโฟกัสเหมาะสำหรับระยะการทำงานกับคอมพิวเตอร์ เนื่องจากเลนส์ตรงกลางเหล่านี้เป็นเลนส์ที่ผู้ใช้เลือกและต้องการเป็นพิเศษในการสวมใส่ อย่างไรก็ตามผู้ที่ใส่แบบ trifocal ก็อาจจะมีความรู้สึกเกิดอาการตาลายได้บ่อย ๆ เนื่องจากมีเลนส์ที่บรรจุอยู่สามเลนส์และตาต้องคอยปรับโฟกัสอยู่เสมอ ซึ่งแว่นตาสำหรับงานคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะหรือแบบพิเศษ bifocal ก็อาจจะช่วยให้อาการเมื่อยกล้ามเนื้อตาหรือปวดตาลดน้อยลง
* Progressive addition lenses
เป็นเลนส์ที่มีเลนส์พิเศษต่าง ๆ รวมอยู่ด้วยกันบนเลนส์หนึ่ง ๆ ซึ่งเกิดจากความก้าวหน้าของการพัฒนาเลนส์ ให้เลนส์มีระยะโฟกัสที่ไล่ระดับกันไปบนเลนส์แว่นตาอันเดียวกัน ซึ่งจะเริ่มจากเลนส์บนเป็นเลนส์ที่ช่วยให้เราสามารถมองวัตถุได้ในระยะไกล และเลนส์ล่างจะเป็นเลนส์ที่ช่วยในการมองวัตถุในระยะใกล้ ๆ โดยการกวาดตามองลงผ่านเลนส์แว่นตาแบบนี้จะช่วยเปลี่ยนระยะโฟกัสไปตามเลนส์ที่บรรจุอยู่อย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นคุณสามารถที่จะมองได้ปกติเมื่อมีการเปลี่ยนระยะการมองเพื่อให้เห็นได้ใกล้หรือชัดขึ้น ผู้ใส่แว่นแบบนี้หลาย ๆ คนที่สามารถมองการพิมพ์ตัวอักษรบนจอได้เป็นระยะเวลานาน ๆ อย่างไรก็ตามยังมีแบบใหม่ ๆ ที่ออกแบบมาสำหรับการทำงานในระยะใกล้ได้ดีเช่นกัน
* Contact lense
ปกติคอนแทคเลนส์จะถูกออกแบบให้มีโฟกัสอยู่ที่ 20 ฟุต และอาจยังไม่ดีพอสำหรับการทำงานกับจอคอมพิวเตอร์ในระยะใกล้ที่มีความสว่างของจอภาพน้อย ซึ่งในขณะที่ใส่คอนแทคเลนส์ทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีความรู้สึกเร็วมากกับอาการนัยน์ตาแห้ง และทำให้เกิดการระคายเคืองนัยน์ตาได้ จึงขอแนะนำว่าในบางครั้งควรจะสวมแว่นตาสำหรับทำงานกับคอมพิวเตอร์เข้าไปอีกชั้นหนึ่ง เช่นเดียวกับคอนแทคเลนส์ชนิด bifocal (เป็นเลนส์ที่มีเลนส์สองเลนส์ใกล้และไกล) ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้

ส่งท้าย
อาการปวดตาและเมื่อยล้าของนัยน์ตาก็คงจะเคยเกิดกับผู้ที่ทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์บ้างแล้ว ซึ่งเกิดจากการจ้องมอง เพ่งมองตัวอักษรที่พิมพ์ออกทางจอภาพ หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมกับการทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ล้วนแล้วแต่ส่งผลเสียหายให้กับดวงตาของเรา ฉะนั้นนัยน์ตาของคนเรานับว่ามีค่ายิ่งควรแก่การทนุถนอมไว้ โดยการหลีกเลี่ยงต้นเหตุ และป้องกันโดยการหยุดพักสายตาและกะพริบตาบ่อย ๆ ในระหว่างทำงานอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือวิธีการอื่น ๆ เช่น การใส่แว่นตา หรือคอนแทคเลนส์ที่เหมาะสมกับสายตา เพื่อช่วยให้ดวงตาอยู่กับเราตราบนานเท่านาน

0 ความคิดเห็น:

Design of Open Media | Source: Free Blogger Templates